สร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ให้ทุกคนในทีม — เรื่องเพศ ไม่ควรอยู่ในที่ทำงาน
การพูดเรื่องเพศสัมพันธ์ในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องปกติ
การส่งรูปล่อแหลมในกลุ่มไลน์ที่ทำงานไม่ใช่เรื่องปกติ
การทักเพื่อนรวมงานด้วยคำพูดส่อเสียดไม่ใช่เรื่องปกติ
เรื่องราวเกิดขึ้นผ่านการสนทนาระหว่างเพื่อนร่วมงานที่กลายเป็นเพื่อนสนิทของเราในเวลาต่อมา เพื่อนเราเล่าว่า หนึ่งในผู้ก่อตั้งของบริษัทเดินมาที่โต๊ะอาหารกลางวัน พร้อมกับเล่าให้เพื่อนฟังว่า “ช่วงนี้เค้ามีเพศสัมพันธ์กับคนชาตินึงเยอะมากเลย”
เราได้ยินจนตกใจแทบไม่เชื่อหู นี่คือบทสนทนาระหว่างผู้ก่อตั้งของบริษัทกับคนในทีม ทั้งผู้หญิงและผู้ชายหลากหลายวัย ระหว่างที่กำลังทานอาหารเที่ยงกัน เหมือนเป็นเรื่องปกติ
หลังจากนั้นเราก็ได้ย้อนคิดไปถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เคยเจอมา ทั้งกับตัวเองและผู้คนรอบ ๆ ตัว เราไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ แต่บางที่ การส่งรูปโป๊เข้ากรุ๊ปไลน์เป็นเรื่องปกติ บางที่มีการแอ๊วเอินคนที่มาสัมภาษณ์งานกันตั้งแต่ในห้องสัมภาษณ์ บางที่ก็มีการเล่นมุกตลกแบบล่อแหลมกันทุกวันในพื้นที่ทำงานเป็นเรื่องปกติ หรือ บางที่คนในทีมบางคนกำลังแอบไปร้องไห้ เพราะกลัวที่จะต้องอยู่กับเจ้านายสองต่อสอง
เราไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันเกิดบ่อยมากแค่ไหน แต่เรารู้ว่ามันบ่อยจนเพื่อนเราหลายคนพูดว่า “หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว” หรือ “แค่นี้เองทนได้แหละ ไปที่ไหนก็เจอ”
ซึ่งถ้าคุณกำลังเป็นอีกคนนึงในนั้น เราบอกได้เลยว่า
เรื่องนี้ไม่ปกติ มันคือการคุกคามทางเพศ แล้วคุณไม่ควรจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ
เราเชื่อว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคนควรจะร่วมมือกันเพื่อสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับทุกคนในทีมจริง ๆ ไม่ว่าคนนั้นจะอายุเท่าไหร่ เป็นเพศอะไรก็ตาม
และเราคิดว่า วิธีที่เรากำลังจะเขียนนี้ คือจุดเริ่มต้นที่ดี ในการเริ่มต้นสร้างพื้นที่ปลอดภัยไปด้วยกัน
ใส่ใจ
เริ่มต้นง่าย ๆ เลย เรามาลองคิดกันว่า ถ้า พ่อ แม่ น้องสาว พี่ชายของเรา อยู่ในพื้นที่นั้น ๆ เค้าจะสะดวกใจกับเรื่องที่เรากำลังคุยกันมั้ย เพราะว่าคนที่อยู่ในทีมของเรา เค้าก็เป็นคนในครอบครัวของใครซักคนเหมือนกัน ลองมี empathy ให้มาก ๆ ก่อนที่จะพูดอะไรลองคิดซักนิด ใส่ใจคนในทีมซักหน่อย แล้วการแซวครั้งต่อไปของคุณ มันอาจจะกระอักกระอ่วนใจมากกว่าที่คุณคิดก็ได้
ไม่พูดเรื่องเพศในที่ทำงาน
ไม่ว่าจะเป็นการส่งรูป หรือมุกตลก มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคุยกันในที่ทำงานได้เลย โอเค ถ้าเราไปสังสรรค์ ดื่มเหล้า กับเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิดสนิทกันดี มันก็อาจจะพอรับได้ แต่ไม่ใช่กับสภาพแวดล้อมของการทำงานในชีวิตประจำวันแน่นอน
อะไรที่มันก้ำกึ่ง ให้ถือว่าไม่ควร
ถ้าบางเรื่องมันฟังดูก้ำกึ่งว่าควรจะพูดหรือทำมั้ย ให้ตีไปเลยว่าไม่ควร เพราะถ้าขนาดเรายังลังเล มันหมายความว่าคนอื่นอาจจะเซนซีทีฟกับเรื่องนี้มาก ๆ เลยก็ได้
กล้ายอมรับ เปิดใจ และขออภัย
เราพูดได้เลยว่าเราก็เคยลั่นพูดสิ่งที่เราไม่ชอบออกไป หรือบางคนที่พูดอะไรกับเรา เค้าก็คงไม่ได้ตั้งใจหรอก ความคะนองปาก บรรยากาศพาไป มันมีอยู่จริง แต่ถ้าเราย้อนเวลากลับไปถอนคำพูดไม่ได้แล้ว การยอมรับผิด ไปคุยกับเจ้าตัว รับฟัง และขอโทษอย่างจริงใจ มันช่วยได้มากจริง ๆ นะ เราอาจจะได้รู้จุดเซนซีทีฟเพื่อระมัดระวังคำพูดของตัวเองมากขึ้นในอนาคตด้วย
เราเชื่อว่านี่ไม่ใช้สูตรสำเร็จของการสร้างพื้นที่ปลอดภัย แต่นี่คือหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ดี เราอยากให้ทุกคนในทีมได้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า รุ่นน้อง เจ้าของบริษัท อย่างน้อยการเริ่มต้นที่จะฉุกคิดได้ว่า “บางเรื่องมันไม่ปกติ” ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีอีกอันนะ :)
ใครมีประสบการณ์โดนคุกคาม อยากปรึกษา ระบายขอความช่วยเหลือ ทักเรามาได้เลย
ส่วนใครที่เคยผ่านวิธีการแก้ไข อยากแชร์ประสบการณ์ของทีมตัวเอง มาแชร์กันได้เลยนะ
กด follow ที่นี่ หรือไปติดตามกันต่อได้ที่เว็ปไซต์เลย :)
